โฆษณาต่อต้านคอร์ปชั่น

พระมหาสมปอง กล่าวเชิญชวนทุกๆ ท่านมาร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

วิธีการระงับอารมณ์โกรธ

ตอบแทนพระคุณบิดามารดา

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ค้างคาวแม่ไก่


ค้างวคาวที่พบที่ วัดโพธิ์ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา คือ ค้างคาวแม่ไก่ป่าฝน (Pteropus vampyrus) เป็นชนิดที่พบตามพื้นที่ป่าดิบชื้นบริเวณชายฝั่งทะเล เป็นค้างคาวกินผลไม้ มีน้ำหนักตัว 1 กก. เมื่อกางปีกออกทั้งสองข้างจะ กว้างถึง 2 เมตร ค้างคาวแม่ไก่เป็นค้างคาวสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตาเหมือนสุนัขจิ้งจอกคือ มีดวงตาโต จมูกและใบหูเล็ก ขนสีน้ำตาลแกมแดง และมีเล็บที่แหลมคมสามารถเกาะกิ่งไม้ได้ มีปีกสีดำ บินได้เร็วและไกลเหมือนนก กางปีกกว้างประมาณ ๓ ฟุต แม่ค้างคาวให้กำเนิดลูกได้ครั้งละ ๑ ตัว

ในเวลากลางวันจะอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่เกาะกิ่งไม้ห้อยหัวลงมา ยามพลบค่ำก็จะออกบินไปหากิน เพื่อควบคุมการใช้พลังงาน โดยในช่วงเกาะนอนหลังการย่อยอาหารจะเป็นช่วงที่ค้างคาวใช้พลังงานน้อยที่สุด ทั้งนี้เป็นเพราะค้างคาวได้วิวัฒนาการให้มีเส้นเอ็นที่ทำหน้าที่ดึงให้เล็บงอจับวัตถุนั้น มีลักษณะเป็นเป็นรอยหยักคล้ายเกล็ด (scales) ซึ่งเอ็นบริเวณนี้จะถูกดึงให้เข้าไปล็อกแน่นอยู่ในช่องที่เรียกว่า raticulum ของกระดูกนิ้วท่อนที่ 2 ลักษณะดังกล่าวการห้อยหัวเกาะนอนของค้างคาวจึงไม่มีการใช้พลังงาน การเลือกที่เกาะนอนจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการดำรงชีวิตของค้างคาว ค้างคาวจึงเลือกต้นไม้ที่มีลำต้นใหญ่ โดยจะเกาะกิ่งไม้ชั้นรองเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงให้มากที่สุดและหลีกเลี่ยงต้นไม้ที่ขึ้นอยู่โดดเดี่ยว เนื่องจากต้นไม้ลักษณะดังกล่าว มีโอกาสสัมผัสกับแสงในทุกด้าน นอกจากนี้ยังเป็นการหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับสัตว์อื่นที่กิน ผลไม้ แมลง หรือน้ำหวานเหมือนกัน เช่นนกนางแอ่น นกเงือก หรือนกกินปลี อีกทั้งพืชหลายชนิด เช่นไม้ในสกุลสะตอและเพกา มีการพัฒนาพิเศษสำหรับค้างคาวกินน้ำหวาน โดยดอกไม้พวกนี้จะบานตอนกลางคืนพร้อมกับผลิตน้ำหวานที่ค้างคาวชอบ เพาะในขณะที่กินน้ำหวาน ค้างคาวก็จะพาเกสรจากต้นหนึ่งไปสู่อีกต้น จึงนับว่าค้างคาวมีส่วนช่วยผสมเกสรดอกไม้ และเหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่งที่ทำให้ค้างคาวต้องหากินตอนกลางคืน ก็คือ เป็นการป้องกันตัวจากสัตว์ผู้ล่า เช่น อาหารของค้างคาวแม่ไก่ มีหลายประเภท ได้แก่ ใบไม้ เกสรดอกไม้ และผลไม้ เช่น ใบโพธิ์ ใบและผลมะม่วง ใบมะขาม เป็นต้น เคยมีผู้เฝ้าสังเกตการหากินของค้างคาวที่นี่พบว่าค้างคาวบินไปหากินตามเขตชายแดนไทยหรือฝั่งประเทศกัมพูชา

ประโยชน์

ค้างคาวมีส่วนช่วยในการรักษาไว้ซึ่งโครงสร้างความหลากหลายและการหมุนเวียนพลังงานในระบบนิเวศของป่าไม้ โดยจะช่วยผสมเกสรหรือกระจายเมล็ดพันธุ์ไม้ เช่น ทุเรียน นุ่น ฝรั่ง มะม่วง เป็นต้น ค้างคาวยังเป็นผู้คืนชีวิตให้ป่า กล่าวคือในพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายนั้น จะต้องมีต้นไม้กลุ่มแรกที่บุกเบิกกำเนิดขึ้นก่อน ต้นไม้กลุ่มแรกนี้จะเป็นไม้พวกที่ค้างคาวเป็นผู้นำพา ทั้งนี้เนื่องจากพฤติกรรมการหากินของค้างคาวที่แตกต่างจากสัตว์อื่นๆ คือ ค้างคาวจะถ่ายมูลในขณะที่บินหากิน มันจึงช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์ไปตามบริเวณที่มันบินผ่าน โดยที่ค้างคาวสามารถบินได้ประมาณ 20-100 กิโลเมตร และค้างคาวยังมีส่วนในการรักษาความสมดุลของแมลงในธรรมชาติ ในเวลา 1 ชั่วโมง ค้างคาวสามารถกินแมลงขนาดเล็กได้ประมาณ 500-1,000 ตัว ซึ่งแมลงเหล่านี้บางชนิด เป็นศัตรูพืชและเป็นอันตราย ต่อมนุษย์ เช่นยุงที่เป็นพาหะนำเชื้อมาเลเรีย

ค้างคาวคือเพื่อน...หาใช่ศัตรู

คนทั่วไปมักจะกลัวค้างคาวและมักจะคิดว่ามันจะเข้ามาทำร้าย แท้ที่จริงแล้วพวกมันเป็นสัตว์ที่ขี้อาย ค้างคาวกินผลไม้มักจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำความเสียหายแก่ผลไม้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ชาวสวนมักจะเก็บผลไม้ในช่วงก่อนที่จะสุก หรือเริ่มจะสุก ส่วนค้างคาวชอบกินผลไม้ที่สุกงอมมากๆ หรือพวกที่สุกจนเกินเก็บ และหลายคนคิดว่าค้างคาวเป็นพาหะนำเชื้อโรค การที่คนจะติดเชื้อโรคจากค้างคาวได้นั้น จะต้องมีการสัมผัสกับมันอย่างใกล้ชิดและบ่อยๆ ทราบหรือไม่ว่า มูลของค้างคาวคือปุ๋ยธรรมชาติที่ดีที่สุด มีคุณค่าทางอาหารต่อพืชสูงมาก ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับถ้ำที่มีค้างคาวอาศัยอยู่ ก็จะมีรายได้จากการเก็บมูลค้างคาวขาย แต่ในปัจจุบันนี้ พื้นที่ป่าไม้และธรรมชาติถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก จำนวนค้างคาวก็มีจำนวนที่ลดลง บางส่วนก็ถูกจับมาขายเป็นของที่ระลึก ค้างคาวแม่ไก่จึงมีสถานภาพเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และ จัดเป็นสัตว์ป่าชนิดที่หาได้ยากของไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น