โฆษณาต่อต้านคอร์ปชั่น

พระมหาสมปอง กล่าวเชิญชวนทุกๆ ท่านมาร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

วิธีการระงับอารมณ์โกรธ

ตอบแทนพระคุณบิดามารดา

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

การสื่อสารข้อมูล

การสื่อสารข้อมูล (Data Communications) หมายถึง กระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ โดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน

วิธีการส่งข้อมูล จะแปลงข้อมูลเป็นสัญญาณ หรือรหัสเสียก่อนแล้วจึงส่งไปยังผู้รับ และเมื่อถึงปลายทางหรือผู้รับก็จะต้องมีการแปลงสัญญาณนั้น กลับมาให้อยู่ในรูปที่มนุษย์ สามารถที่จะเข้าใจได้ ในระหว่างการส่งอาจจะมีอุปสรรค์ที่เกิดขึ้นก็คือ สิ่งรบกวน (Noise) จากภายนอกทำให้ข้อมูลบางส่วนเสียหาย หรือผิดเพี้ยนไปได้ซึ่งระยะทางก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้วยเพราะถ้าระยะทางในการส่งยิ่งมากก็อาจจะทำให้เกิดสิ่งรบกวนได้มากเช่นกัน จึงต้องมีหาวิธีลดสิ่งรบกวน
เหล่านี้ โดยการพัฒนาตัวกลางในการสื่อสารที่จะทำให้เกิดการรบกวนน้อยที่สุด

องค์ประกอบขั้นพื้นฐานของระบบ

องค์ประกอบขั้นพื้นฐานของระบบสื่อสารโทรคมนาคม สามารถจำแนกออกเป็นส่วนประกอบได้ดังต่อไปนี้
1. ผู้ส่งข่าวสารหรือแหล่งกำเนิดข่าวสาร (source) อาจจะเป็นสัญญาณต่าง ๆ เช่น สัญญาณภาพ
ข้อมูล และเสียงเป็นต้น ในการติดต่อสื่อสารสมัยก่อนอาจจะใช้แสงไฟ ควันไฟ หรือท่าทางต่าง ๆ ก็นับว่าเป็นแหล่งกำเนิดข่าวสาร จัดอยู่ในหมวดหมู่นี้เช่นกัน
2. ผู้รับข่าวสารหรือจุดหมายปลายทางของข่าวสาร (sink) ซึ่งจะรับรู้จากสิ่งที่ผู้ส่งข่าวสาร หรือแหล่งกำเนิดข่าวสารส่งผ่านมาให้ตราบใด
ที่การติดต่อสื่อสารบรรลุวัตถุประสงค์ ผู้รับสารหรือจุดหมายปลายทางของข่าวสารก็จะได้รับข่าวสารนั้น ๆ ถ้าผู้รับสารหรือ จุดหมายปลายทางไม่ได้รับ
ข่าวสาร ก็แสดงว่าการสื่อสารนั้นไม่ประสบความสำเร็จ กล่าวคือไม่มีการสื่อสารเกิดขึ้นนั่นเอง





3. ช่องสัญญาณ (channel) ในที่นี้อาจจะหมายถึงสื่อกลางหรือตัวกลางที่ข่าวสารเดินทางผ่าน อาจจะเป็นอากาศ สายนำสัญญาณต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งของเหลว เช่น น้ำ น้ำมัน เป็นต้น เปรียบเสมือนเป็นสะพานที่จะให้ข่าวสารข้ามจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
4. การเข้ารหัส (encoding) เป็นการช่วยให้ผู้ส่งข่าวสารและผู้รับข่าวสารมีความเข้าใจตรงกันในการสื่อความหมาย จึงมีความจำเป็นต้องแปลง
ความหมายนี้ การเข้ารหัสจึงหมายถึงการแปลงข่าวสารให้อยู่ในรูปพลังงาน ที่พร้อมจะส่งไปในสื่อกลาง ทางผู้ส่งมีความเข้าใจต้องตรงกันระหว่าง ผู้ส่งและผู้รับ หรือมีรหัสเดียวกัน การสื่อสารจึงเกิดขึ้นได้
5. การถอดรหัส (decoding) หมายถึงการที่ผู้รับข่าวสารแปลงพลังงานจากสื่อกลางให้กลับไปอยู่ในรูปข่าวสารที่ส่งมาจากผู้ส่งข่าวสาร โดยมีความเข้าในหรือรหัสตรงกัน
6. สัญญาณรบกวน (noise) เป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ มักจะลดทอนหรือรบกวนระบบ อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งทางด้านผู้ส่งข่าวสาร ผู้รับข่าวสาร และช่องสัญญาณ แต่ในการศึกษาขั้นพื้นฐานมักจะสมมติให้ทางด้านผู้ส่งข่าวสารและผู้รับข่าวสารไม่มีความผิดพลาด ตำแหน่งที่ใช้วิเคราะห์ มักจะเป็นที่ตัวกลางหรือช่องสัญญาณ เมื่อไรที่รวมสัญญาณรบกวนด้านผู้ส่งข่าวสารและด้านผู้รับข่าวสาร ในทางปฎิบัติมักจะใช้ วงจรกรอง (filter)
กรองสัญญาณแต่ต้นทาง เพื่อให้การสื่อสารมีคุณภาพดียิ่งขึ้นแล้วค่อยดำเนินการ เช่น การเข้ารหัสแหล่งข้อมูล เป็นต้น



ข่ายการสื่อสารข้อมูล
หมายถึง การรับส่งข้อมูลหรือสารสนเทศจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยอาศัยระบบการส่งข้อมูล ทางคลื่นไฟฟ้าหรือแสง อุปกรณ์ที่ประกอบเป็นระบบการสื่อสารข้อมูลโดยทั่วไปเรียกว่า
ข่ายการสื่อสารข้อมูล (Data Communication Networks)

องค์ประกอบพื้นฐาน

หน่วยส่งข้อมูล (Sending Unit)
ช่องทางการส่งข้อมูล (Transmisstion Channel)
หน่วยรับข้อมูล (Receiving Unit)


วัตถุประสงค์หลักของการนำการสื่อการข้อมูลมาประยุกต์ใช้ในองค์การประกอบด้วย
เพื่อรับข้อมูลและสารสนเทศจากแหล่งกำเนิดข้อมูล
เพื่อส่งและกระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
เพื่อลดเวลาการทำงาน
เพื่อการประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่งข่าวสาร
เพื่อช่วยขยายการดำเนินการองค์การ
เพื่อช่วยปรับปรุงการบริหารขององค์การ


ประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูล

1) การจัดเก็บข้อมูลได้ง่ายและสื่อสารได้รวดเร็ว การจัดเก็บซึ่อยู่ในรูปของสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ สามารถจัดเก็บไว้ในแผ่นบันทึกที่มีความหนาแน่นสูง
แผ่นบันทึกแผ่นหนึ่งสามารถบันทึกข้อมูลได้มากกกว่า 1 ล้านตัวอักษร สำหรับการสื่อสารข้อมูลนั้น ถ้าข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ได้ในอัตรา 120 ตัวอักษร
ต่อวินาทีแล้ว จะส่งข้อมูล 200 หน้าได้ในเวลา 40 นาที โดยไม่ต้องเสียเวลานั่งป้อนข้อมูลเหล่านั้นซ้ำใหม่อีก
2) ความถูกต้องของข้อมูล โดยปกติวิธีส่งข้อมูลด้วยสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งด้วยระบบดิจิตอล วิธีการส่งข้อมูลนั้นมีการตรวจสอบ
สภาพของข้อมูล หากข้อมูลผิดพลาดก็จะมีการรับรู้ และพยายามหาวิธีแก้ไขให้ข้อมูลที่ได้รับมีความถูกต้อง โดยอาจให้ทำการส่งใหม่ หรือกรณีที่ผิดพลาด
ไม่มากนัก ฝ่ายผู้รับอาจใช้โปรแกรมของตนแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องได้
3) ความเร็วของการทำงาน โดยปกติสัญญาณทางไฟฟ้าจะเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสง ทำให้การใช้คอมพิวเตอร์ส่งข้อมูลจากซีกโลกหนึ่ง ไปยังอีกซีก
โลกหนึ่ง หรือค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ สามารถทำได้รวดเร็ว ความรวดเร็วของระบบทำให้ผู้ใช้สะดวกสบายยิ่งขึ้น เช่น บริษัทสายการบินทุกแห่ง
สามารถทราบข้อมูลของทุกเที่ยวบินได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การจองที่นั่งของสายการบินสามารถทำได้ทันที
4) ต้นทุนประหยัด การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าหากันเป็นเครือข่าย เพื่อส่งหรือสำเนาข้อมูล ทำให้ราคาต้นทุนของการใช้ข้อมูลประหยัดขึ้น เมื่อเทียบกับการ
จัดส่งแบบวิธีอื่น สามารถส่งข้อมูลให้กันและกันผ่านทางสายโทรศัพท์ได้

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ประวัติจังหวัดตรัง

ประวัติจังหวัดตรัง



จังหวัดตรัง เป็นจังหวัดหัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันตก ซึ่งตั้งขึ้นใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์ จึงไม่มีประวัติในสมัยโบราณก่อนหน้านั้น และเข้าใจว่าในแผ่นดินพระบรมไตรโลกนารถครั้นกรุงศรีอยุธยานั้น เมืองตรังยังไม่มี เพราะพระธรรมนูญกล่าวถึงหัวเมืองฝ่ายใต้มีเพียง นครศรีธรรมราช พัทลุง ไชยา เพชรบุรี กุย ปราณ ครองวาฬ บางสะพาน ตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า ตะนาวศี ทะวาย มะริด และสามโคก ดังนั้นเมืองตรังแต่เดิมมา น่าจะเป็นเพียงทางผ่านไปยังเมืองนครศรีธรรมราช และเมืองพัทลุงเท่านั้น ต่อมาเมื่อผู้คนตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนมากขึ้นจึงเกิดเมืองในตอนหลัง

เท่าที่พบหลักฐานความเป็นมาของจังหวัดตรัง เริ่มแรกได้จากศิลาจารึกที่วัดเสมาเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้จารึกโดยพระเจ้าจันทรภาณุ หรือพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชที่ ๕ ในปี พ.ศ. ๑๗๗๓ ซึ่งเป็นสมัยที่เมืองนครศรีธรรมราชเจริญรุ่งเรืองมาก ได้จารึกว่าอาณาจักรนครศรีธรรมราชมีหัวเมืองรายล้อมอยู่ถึง ๑๒ หัวเมือง ได้กำหนดใช้รูปสัตว์ตามปีนักษัตรเป็นตราประจำเมือง เรียกว่าการปกครองแบบ ๑๒ นักษัตร โดยเมืองตรังใช้ตราม้า (ปีมะเมีย) เป็นตราประจำเมือง

แสดงว่าในปี พ.ศ.๑๗๗๓ มีเมืองตรังแล้วแต่ไม่ทราบว่าตั้งเมืองอยู่ที่ใด ในพงศาวดารเมืองพัทลุงกล่าว ว่าเมื่อปี พ.ศ.๑๔๙๓ พระยากุมารกับนางเลือดขาวไปลังกา ทั้งขาไปและขามาได้แวะที่เมืองตรัง เพราะเป็น เมืองท่า นางเลือดขาวยังได้สร้างพระพุทธรูปและวัดพระพุทธสิหิงค์ไว้ที่เมืองตรัง

ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี เมืองตรังมีชื่อเป็นหัวเมืองที่ขึ้นต่อเมืองนครศรีธรรมราช ครั้น ถึงปี พ.ศ.๒๓๔๗ รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์โปรดฯ ให้ยกเมืองตรังขึ้นตรงกับกรุงเทพฯ ชั่วคราว เนื่องจากผู้รักษาเมืองตรังเป็นอริกับเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช หลังจากนั้นให้ไปขึ้นกับเมืองสงขลาระยะ หนึ่ง จนถึง พ.ศ.๒๓๕๔ จึงกลับไปขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราชดังเดิม และได้มีการตั้งเมืองตรังขึ้นเป็นครั้งแรกโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย ทรงแต่งตั้งพระอุไภยธานีเป็นเจ้าเมืองตรังคนแรก และได้มีการสร้างหลักเมืองตรังไว้ที่ ควนธานี

พ.ศ.๒๓๘๑ ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น ทางเมืองตรังและหัวเมืองปักษ์ใต้หลายเมือง ต่อมาจึงได้โอนเมืองตรังมาขึ้นต่อกรุงเทพฯ อยู่ภายใต้การดูแลของข้าหลวงใหญ่หัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันตก ซึ่งตั้งกองบัญชาการอยู่ที่เมืองตรังจนถึง พ.ศ.๒๔๒๘ เมืองตรังจึงได้กลับไปอยู่ภายใต้การดูแลของข้าหลวงใหญ่ซึ่งตั้งกองบัญชาการอยู่ที่ภูเก็ต และเมื่อมีการปฏิรูปการปกครองเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาลเมืองตรังจึงถูกรวม เข้าเป็นหัวเมืองหนึ่งของมณฑลภูเก็ต

ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสหัว เมืองปักษ์ใต้ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๓ ทรงเห็นเมืองตรังมีสภาพทรุดโทรม จึงทรงโปรดฯ ให้พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) มาดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตรัง และสร้างความเจริญให้แก่ตรังอย่างมากมาย โดยย้ายเมืองตรังมาตั้งที่ อำเภอกันตัง ปากแม่น้ำตรัง โดยรวมเอาเมืองตรังและปะเหลียนเข้าด้วยกัน และพัฒนาเป็นเมืองท่าการค้าและยังได้ส่งเสริมให้มีการปลูกยางพาราที่จังหวัดตรังเป็นแห่งแรก


ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าที่ตั้งตัวเมืองตรังเดิม คือ เมืองกันตังไม่ปลอดภัยจากศัตรู ไม่เป็นศูนย์กลางของจังหวัด ทั้งยังเป็นที่ลุ่มมาก น้ำทะเลท่วมถึง จะขยายตัวเมืองได้ยาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองไปตั้งที่ตำบลทับเที่ยง อำเภอบางรัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอเมืองตรังมาจนทุกวันนี้ และเมื่อมีการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๔๗๖ เมืองตรังจึงมีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยครับ

ประวัติจังหวัดตรัง

ประวัติจังหวัดตรัง



จังหวัดตรัง เป็นจังหวัดหัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันตก ซึ่งตั้งขึ้นใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์ จึงไม่มีประวัติในสมัยโบราณก่อนหน้านั้น และเข้าใจว่าในแผ่นดินพระบรมไตรโลกนารถครั้นกรุงศรีอยุธยานั้น เมืองตรังยังไม่มี เพราะพระธรรมนูญกล่าวถึงหัวเมืองฝ่ายใต้มีเพียง นครศรีธรรมราช พัทลุง ไชยา เพชรบุรี กุย ปราณ ครองวาฬ บางสะพาน ตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า ตะนาวศี ทะวาย มะริด และสามโคก ดังนั้นเมืองตรังแต่เดิมมา น่าจะเป็นเพียงทางผ่านไปยังเมืองนครศรีธรรมราช และเมืองพัทลุงเท่านั้น ต่อมาเมื่อผู้คนตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนมากขึ้นจึงเกิดเมืองในตอนหลัง

เท่าที่พบหลักฐานความเป็นมาของจังหวัดตรัง เริ่มแรกได้จากศิลาจารึกที่วัดเสมาเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้จารึกโดยพระเจ้าจันทรภาณุ หรือพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชที่ ๕ ในปี พ.ศ. ๑๗๗๓ ซึ่งเป็นสมัยที่เมืองนครศรีธรรมราชเจริญรุ่งเรืองมาก ได้จารึกว่าอาณาจักรนครศรีธรรมราชมีหัวเมืองรายล้อมอยู่ถึง ๑๒ หัวเมือง ได้กำหนดใช้รูปสัตว์ตามปีนักษัตรเป็นตราประจำเมือง เรียกว่าการปกครองแบบ ๑๒ นักษัตร โดยเมืองตรังใช้ตราม้า (ปีมะเมีย) เป็นตราประจำเมือง

แสดงว่าในปี พ.ศ.๑๗๗๓ มีเมืองตรังแล้วแต่ไม่ทราบว่าตั้งเมืองอยู่ที่ใด ในพงศาวดารเมืองพัทลุงกล่าว ว่าเมื่อปี พ.ศ.๑๔๙๓ พระยากุมารกับนางเลือดขาวไปลังกา ทั้งขาไปและขามาได้แวะที่เมืองตรัง เพราะเป็น เมืองท่า นางเลือดขาวยังได้สร้างพระพุทธรูปและวัดพระพุทธสิหิงค์ไว้ที่เมืองตรัง

ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี เมืองตรังมีชื่อเป็นหัวเมืองที่ขึ้นต่อเมืองนครศรีธรรมราช ครั้น ถึงปี พ.ศ.๒๓๔๗ รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์โปรดฯ ให้ยกเมืองตรังขึ้นตรงกับกรุงเทพฯ ชั่วคราว เนื่องจากผู้รักษาเมืองตรังเป็นอริกับเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช หลังจากนั้นให้ไปขึ้นกับเมืองสงขลาระยะ หนึ่ง จนถึง พ.ศ.๒๓๕๔ จึงกลับไปขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราชดังเดิม และได้มีการตั้งเมืองตรังขึ้นเป็นครั้งแรกโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย ทรงแต่งตั้งพระอุไภยธานีเป็นเจ้าเมืองตรังคนแรก และได้มีการสร้างหลักเมืองตรังไว้ที่ ควนธานี

พ.ศ.๒๓๘๑ ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น ทางเมืองตรังและหัวเมืองปักษ์ใต้หลายเมือง ต่อมาจึงได้โอนเมืองตรังมาขึ้นต่อกรุงเทพฯ อยู่ภายใต้การดูแลของข้าหลวงใหญ่หัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันตก ซึ่งตั้งกองบัญชาการอยู่ที่เมืองตรังจนถึง พ.ศ.๒๔๒๘ เมืองตรังจึงได้กลับไปอยู่ภายใต้การดูแลของข้าหลวงใหญ่ซึ่งตั้งกองบัญชาการอยู่ที่ภูเก็ต และเมื่อมีการปฏิรูปการปกครองเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาลเมืองตรังจึงถูกรวม เข้าเป็นหัวเมืองหนึ่งของมณฑลภูเก็ต

ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสหัว เมืองปักษ์ใต้ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๓ ทรงเห็นเมืองตรังมีสภาพทรุดโทรม จึงทรงโปรดฯ ให้พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) มาดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตรัง และสร้างความเจริญให้แก่ตรังอย่างมากมาย โดยย้ายเมืองตรังมาตั้งที่ อำเภอกันตัง ปากแม่น้ำตรัง โดยรวมเอาเมืองตรังและปะเหลียนเข้าด้วยกัน และพัฒนาเป็นเมืองท่าการค้าและยังได้ส่งเสริมให้มีการปลูกยางพาราที่จังหวัดตรังเป็นแห่งแรก


ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าที่ตั้งตัวเมืองตรังเดิม คือ เมืองกันตังไม่ปลอดภัยจากศัตรู ไม่เป็นศูนย์กลางของจังหวัด ทั้งยังเป็นที่ลุ่มมาก น้ำทะเลท่วมถึง จะขยายตัวเมืองได้ยาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองไปตั้งที่ตำบลทับเที่ยง อำเภอบางรัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอเมืองตรังมาจนทุกวันนี้ และเมื่อมีการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๔๗๖ เมืองตรังจึงมีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยครับ

มีดพร้านาป้อ


มีดพร้านาป้อ


มีดเนื้อดีทำจากเหล็กเผาร้อนตีขึ้นรูป ที่เมืองตรังขึ้นชื่อมานานหนักหนาว่าเป็นแหล่งมีดเนื้อดี

ผ้าทอนาหมื่นศรี


ผ้าทอนาหมื่นศรี

ผ้าทอชั้นดีของเมืองตรังทำจากด้ายและไหมถักทอด้วยกี่กระตุกแบบพื้นบ้าน มีลวดลายสีสันต่างๆ อีกทั้งสามารถประดิษฐ์เป็นตัวอักษรตามต้องการ ใช้เป็นผ้าตัดเสื้อผ้าเช็ดหน้าผ้าปูโต๊ะแล้วแต่จะดัดแปลง

เค้กเมืองตรัง


เค้กเมืองตรัง


เป็นขนมที่ทำมากันแต่ดั้งเดิม ต้นกำเนิดอยู่ที่ ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาไปทั่วประเทศ ด้วยรสหอมหวานกลมกล่อมอย่างมีเอกลักษณ์ มีหลายรสหลายกลิ่นหลายเจ้าให้เลือกได้ ตามใจชอบบรรจุกล่องสวยงาม ซึ่งมีหลากหลายรส เช่น เค้กใบเตย เค้กกล้วยหอม เค้กส้ม เค้กกาแฟ เค้กสามรส สามารถหาซื้อได้ที่ลำภูรา หรือในตัวเมืองก็มีขาย ราคาประมาณเป็นกันเอง

หมูย่างสูตรเมืองตรัง


หมูย่างสูตรเมืองตรัง

อาหารอร่อยที่เชิดหน้าชูตาของชาวตรังอีกอย่างหนึ่ง ที่หลายๆ คนรู้จักกันดี หนังกรอบเนื้อหอมนุ่ม รสชาติอร่อยมีกรรมวิธีหมัก ใส่เครื่องปรุงตลอดจนถึงการคัดเลือกหมูเพื่อมาย่าง อย่างพิถีพิถันหมูย่างนี้นอกจากใช้แกล้มกาแฟแล้ว ยังใช้ขึ้นโต๊ะไม่ว่างานแต่งงาน งานตรุษสารท งานเลี้ยงต่างๆ แม้แต่งานศพและพิธีเซ่นไหว้ทั้งหลาย เป็นของฝากอิ่มท้องของฝากนี้มีข้อแม้ว่าต้องนำไปฝากให้ถึงมือภายในครึ่งวัน มิฉะนั้นจะคลายร้อนเสียอรรถรส ทางที่ดีให้ชักชวนกันมารับประทานที่ร้านจะเข้าทีได้รสดีกว่ากันเยอะ รับรองไม่ผิดหวังสูตรเมืองตรังเป็นหนึ่งแน่แท้

ร้านกาแฟ


ร้านกาแฟ

เมืองตรัง เมืองคนช่างกิน ถนนทุกสายในเมืองตรังมีร้านกาแฟเปิดบริการอยู่แทบทุกสาย บางร้านเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ร้านกาแฟที่เมืองตรังนี้ การบริการจัดว่าพิเศษกว่าที่อื่นอยู่มากๆ คือ มีบริการขนมกับแกล้ม ซึ่งเรียกว่า "เครื่องเคียง" นับสิบๆ อย่างมาให้ลิ้มลองตั้งแต่ ขนมจีบ ซาลาเปา ขนมประเภทนึ่ง ทอดร้อนๆ เช่น ปาท่องโก๋ จาก๊วย(หรือที่เรียกปาท่องโก๋) ซึ่งบางร้านอาจจะมี หมูย่าง สูตรชาวตรังให้ลิ้มลอง เป็นรายการ พิเศษอีกบรรดาอาหารเครื่องเคียงที่พนักงานเสริฟ ยกมาให้จนเต็มโต๊ะนั้น จะคิดราคาเท่าที่กินเท่านั้น เรียกว่ากินกี่ชิ้นกี่อย่างก็คิดราคาตามนั้น

อนุสาวรีย์พระรัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี


อนุสาวรีย์พระรัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี

ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองตรัง ทางไปจังหวัดพัทลุง ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร ผู้ที่เดินทางไปถึงจังหวัดตรังทุกคนมักแวะไปทำความเคารพอนุสาวรีย์ของท่าน บริเวณนั้นแต่เดิมเป็นที่ตั้งพระตำหนักผ่อนกาย ซึ่งจัดรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ปัจจุบันได้ตกแต่งเป็นสวนสาธารณะอันร่มรื่น เวลาเย็นๆ มีประชาชนไปพักผ่อนเป็นจำนวนมาก พระยารัษฎาฯ ได้สร้างและทำนุบำรุงความเจริญแก่จังหวัดตรังไว้มาก เช่น ด้านคมนาคมในจังหวัดตรัง ด้านเกษตรกรรมและการเลี้ยงสัตว์ ด้านการศึกษา การปกครอง นโยบายรักษาความสงบและการสาธารณสุข ฯลฯ และเป็นผู้นำต้นยางต้นแรกที่ปลูกในจังหวัดตรัง จนแพร่หลายไปทั่วภาคใต้

สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95

สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95

"สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 เทศบาลนครตรัง"

สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 เทศบาลนครตรัง"
นับเป็นสวนสาธารณะกลางเมืองตรัง ที่ยังคงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บนเนื้อที่กว่า 280 ไร่ มีลักษณะคล้ายเหยือกแก้วหรือแจกันที่คอดกลาง สภาพพื้นที่เป็นที่ราบลุ่ม และป่าราโพ เดิมชาวบ้านเรียกว่า "ทุ่งนํ้าผุด” และเกาะกลางนํ้าที่มองดูคล้ายเนินเขา ซึ่งเทศบาลนครตรังได้เนรมิตให้เป็นสวนสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย และพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน



ปัจจุบันสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 ได้รับการปรับปรุงด้วยการขุดลอกสระ สร้างเรือนเพาะชํา สะพานแขวนเชื่อมเกาะกลางนํ้า อาคารชมวิว ศาลาพักผ่อน ลานอเนกประสงค์ ป้อมยาม ห้องสุขา อาคารสูบนํ้า ตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่าง และถนนลาดยางโดยรอบ
ทําให้สวนสาธารณะแห่งนี้มีความสวยสดงดงาม และกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของประชาชน ที่พากันมาใช้ออกกําลังกาย และนั่งชมวิวทิวทัศน์กันเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน เพราะนอกจากทัศนียภาพที่เขียวชะอุ่ม เพราะพันธุ์พืชนานาชนิดในเวิ้งทุ่งกว้าง แล้ว สวนสาธารณะแห่งนี้ยังเป็นที่พักอาศัยของสัตว์นํ้าน้อยใหญ่ ป่าราโพที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ เป็นที่อาศัยของบรรดานกนานาชนิด



ใครที่มีโอกาสแวะเวียนเข้าชมความงามภายในสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 เทศบาลนครตรัง เชื่อเหลือเกินว่าชีวิตจะได้รับการต่อเติมให้ยืนยาวขึ้นอีก เพราะจะได้รับความสุขทั้งกายและใจ หลายคนที่เดินลัดเลาะผ่านทุ่งป่าราโพ สามารถเพลิดเพลินกับความเขียวขจีของแมกไม้ และชมนกหลากชนิดส่งเสียงร้องกังวานไปทั้งทุ่ง

นายชาลี กางอิ่ม นายกเทศมนตรีเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ได้รณรงค์ให้สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เนื่องจากสภาพธรรมชาติภายในยังคงความสมบูรณ์ โดยเฉพาะระบบนิเวศของป่าราโพ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนก จึงสมควรอนุรักษ์ให้เป็นที่อยู่อาศัยของนกสืบไป และเชื่อเหลือเกินว่าในอนาคตจะเป็นแหล่งรวมนกนานาชนิด โดยเฉพาะนกน้ำที่อพยพมาตามฤดูกาลอีกด้วย

จากการที่บริษัท แอ็ดวานซ์ ไทยแลนด์ จีโอกราฟฟิค จำกัด เข้ามาสํารวจ ทำให้ทราบว่า ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้มีนกอาศัยอยู่ตลอดทั้งปี และเป็นนกมาอาศัยตามฤดูกาลกว่า 30 ชนิด อาทิ นกหนูแดง นกอัญชัญคิ้วขาว นกกวัก นกอีลุ้ม นกยางไฟ นกยางไฟหัวดํา นกยางกรอกพันธุ์จีน นกยางควาย นกยางดํา นกกระสาแดง นกเป็ดแดง นกกระเต็นอกขาว นกกระเต็นน้อย นกเอี้ยงสาลิกา นกเอี้ยงควาย นกเอี้ยงหงอน นกปรอทหน้านวล นกขมิ้นน้อย นกกระติ๊ดหัวขาว นกจาบคาหัวส้ม นกแซงแซวหางปลา และนกแต้วแร้ว เป็นต้น
นายชาลีกล่าวว่า หลังจากสํารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนกชนิดต่างๆ สมบูรณ์แล้ว จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มีความสนใจศึกษาธรรมชาติของนก ได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง โดยจัดทําเป็นแหล่งดูนกเพื่อส่งเสริมให้เกิดความรักและหวงแหน ที่จะดูแลรักษานกให้อยู่คู่กับธรรมชาติอย่างปลอดภัย หลังจากนี้จะเปิดอบรมมัคคุเทศน์น้อย โดยให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้วิถีชีวิตของนก จะได้แนะนําผู้มาเที่ยวชมนกภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ต่อไป

วันนี้สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 เทศบาลนครตรัง นอกจากจะเป็นสวนสาธารณะที่ประชาชนใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานที่ออกกําลังกายแล้ว ต่อไปยังจะต้องทำหน้าที่ในฐานะแหล่งดูนกแหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของภาคใต้ และแหล่งเรียนรู้สำหรับประชาชนทั่วไป ว่าการอยู่ร่วมอย่างเกื้อกูลกัน โดยอาศัยทรัพยากรธรรมชาติเป็นต้นทุนนั้น เขาทำกันได้อย่างไร ทั้งที่อยู่ในกลางเมือง อยากรู้ลองไปเยือนสักครั้งซิครับ

กระพังสุรินทร์


กระพังสุรินทร์

เป็นสระน้ำธรรมชาติกว้างประมาณ 50 ไร่ มีสะพานคอนกรีตเชื่อมไปสู่ศาลากลางน้ำที่สร้างไว้อย่างสวยงาม เชื่อมถึงกันทั้ง 3 ศาลา รอบๆ บริเวณได้รับการแต่งเป็นสวนสาธารณะ มีสวนสัตว์และภัตตาคารร้านอาหารใต้ร่มไม้ ไว้บริการแก่ผู้เข้าไปเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนยามเย็น เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ เท่าใดนัก

วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร


วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร
ตั้งอยู่ที่ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือวัดระฆัง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ สร้างตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระประธานยิ้มรับฟ้า เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระราชาคณะในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อไปสักการะสมเด็จพุฒาจารย์ ให้ขอพรโดยการสวดคาถาชินบัญชร แล้วปักธูปที่กระถาง และปิดทองที่รูปปั้น เสร็จแล้วพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล สามารถเดินทางโดยรถประจำทางสาย 19, 57 หรือมาทางเรือโดยเรือด่วนเจ้าพระยา ลงที่ท่าเรือรถไฟหรือท่าวังหลัง หรือข้ามฟากที่ท่าช้าง แล้วขึ้นที่ท่าเรือวัดระฆัง

เวทีมวยกรุงเทพ และโรงเรียนมวยไทยวันทรงชัย


เวทีมวยกรุงเทพ และโรงเรียนมวยไทยวันทรงชัย

เวทีมวยกรุงเทพ และโรงเรียนมวยไทยวันทรงชัย
ตั้งอยู่ที่ถนนเทียมร่วมมิตร เขตห้วยขวาง เป็นสนามมวยมาตรฐานแห่งใหม่ใจกลางเมือง ย่านถนนรัชดาภิเษก เปิดเมื่อเดือนตุลาคม 2549 เน้นการเเข่งขันศิลปะการต่อสู้มวยไทยที่ให้ทั้งความรู้และความบันเทิง ด้วยระบบแสง สี เสียง ตระการตา พร้อมเครื่องปรับอากาศภายใน จัดการแข่งขันยอดมวยไทยกับยอดมวยจากต่างชาติ การชิงแชมป์เปี้ยนโลกมวยไทย การชิงแชมป์โลกมวยสากล ทั้งมวยชายและมวยหญิง เหมาะสำหรับผู้เข้าชมที่มาในรูปแบบหมู่คณะและรูปแบบครอบครัว ผู้ชมจะทราบประวัติ ความเป็นมาของมวยไทยซึ่งเป็นมรดกของชาติ และเป็นเวทีมวยแห่งเดียวที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมสัมผัสกับบรรยากาศสด การเตรียมความพร้อมของนักมวยก่อนขึ้นสังเวียน และถ่ายรูปคู่กับนักมวยขวัญใจในสตูดิโอ
นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนมวยไทยวันทรงชัย สำหรับผู้ต้องการเรียนเพื่อเป็นนักมวยอาชีพหรือเพื่อเป็นศิลปะการป้องกันตัว โดยมีทั้งหลักสูตรระยะสั้นและหลักสูตรระยะยาว

การเดินทางใช้ถนนรัชดาภิเษก เลี้ยวขวาเข้าถนนเทียมร่วมมิตรตรงศูนย์วัฒนธรรม ผ่านสยามนิรมิต ตรงไปจะพบสามแยกแล้วเลี้ยวขวา (เป็นทางวันเวย์) เวทีมวยกรุงเทพจะอยู่ทางด้านขวามือ รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ บริษัท วันทรงชัย จำกัด โทร. 0 2618 5314 - 6 เว็บไซต์ www.muaythai.co.th

นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์เธียเตอร์)


นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์เธียเตอร์)


นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์เธียเตอร์)
การแสดงหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ ได้รับรางวัลการแสดงศิลปวัฒนธรรมยอดเยี่ยม จากการประกวดหุ่นนานาชาติ ครั้งที่ 10 ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก เมื่อเดือนมิถุนายน 2549 โดยมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันจาก 40 ประเทศ

นาฎยศาลา หรือ โจหลุยส์เธียร์เตอร์ ตั้งอยู่ที่สวนลุมไนท์บาร์ซาร์ ถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน โรงละครเชิดหุ่นละครเล็ก เกิดขึ้นจากปณิธานความตั้งใจของ โจ หลุยส์ หรือ ครูสาคร ยังเขียวสด ศิลปินแห่งชาติปี พ.ศ. 2539 ซึ่งต้องการรักษาศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็กมิให้หายไปตามกาลเวลา การเชิดหุ่นละครเล็กผู้เชิดจำเป็นต้องมีพื้นฐานทางด้านการแสดงโขนมาดัวย เนื่องจากในระหว่างที่เชิดหุ่น ผู้เชิดต้องร่ายรำตามไปด้วยและในขณะเดียวกันหุ่น 1 ตัว ต้องใช้ผู้เชิดถึง 3 คน ทำให้หุ่นเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิต เรื่องราวที่นำมาแสดงเป็นเรื่องรามเกียรติ์ ปัจจุบันมีคณะสาครนาฏศิลป์เหลืออยู่เพียงคณะเดียวในประเทศไทยที่สืบสานศิลปะแขนงนี้ให้อนุชนรุ่นหลังต่อไป ได้รับรางวัลดีเด่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประจำปี 2543

โรงละครเปิดการแสดงทุกวัน เวลา 19.30 น. น. มีซุ้มสาธิตการทำหัวโขนให้ผู้สนใจในศิลปะไทยได้ชมและแกลเลอรี่หุ่นละครเล็กแสดงประวัติหุ่นต่างๆ ค่าชมการแสดง ชาวไทย 400 บาท ชาวต่างประเทศ 900 บาท โรงละครเปิดตั้งแต่เวลา 17.00-21.45 น.
การเดินทาง รถไฟฟ้าใต้ดิน ลงที่สถานีลุมพินี หรือโดยสารรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีศาลาแดง ต่อรถประจำทางสาย 115สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2252 9683-4 หรือชมเว็บไซต์ www.thaipupet.com

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ที่อยู่ 1875 ถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี อำเภอ เขตปทุมวัน จังหวัด กรุงเทพมหานคร
โทรศัพท์ 0 2252 9683-4 โทรสาร 0 2252 9685
Website http://www.thaipuppet.com Email address joelouistheater_pr@hotmail.com

สยามนิรมิต


สยามนิรมิต

สยามนิรมิต ตั้งอยู่ที่ถนนเทียมร่วมมิตร เยื้องศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ข้างสถานทูตเกาหลีใต้ เขตห้วยขวาง เป็นสถานที่จัดแสดงโชว์ศิลปวัฒนธรรมไทยรูปแบบใหม่ ระดับมาตรฐานโลก นำเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิต และคติความเชื่อของชนชาวสยาม ผ่านการนำเสนอโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งฉาก ระบบแสง สี เสียง ภาพ และเทคนิคพิเศษบนเวทีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยทุนสร้างนับพันล้านบาท เพื่อให้เป็นอัครการแสดงที่เป็นความภูมิใจของคนไทย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมสำหรับต้อนรับบุคคลสำคัญและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
โรงละครรองรับผู้เข้าชมได้กว่า 2,000 ที่นั่ง เปิดแสดงวันละ 1 รอบ เวลา 20.00 น. ค่าบัตรเข้าชม 1,500 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2649 9222 หรือเว็บไซต์ www.siamniramit.com

วัดชนะสงคราม


แหล่งท่องเที่ยว จังหวัดกรุงเทพ
วัดชนะสงคราม

วัดชนะสงคราม

เดิมอยู่กลางทุ่งนาจึงเรียกว่า " วัดกลางนา" สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสถาปนาขึ้นใหม่ และรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นวัดพระสงฆ์ฝ่ายรามัญเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ทหารรามัญในกองทัพของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ชาวบ้านนิยมเรียกว่า" วัดตองปุ " ตามแบบวัดตองปุในสมัยอยุธยา ต่อมาเมื่อมีชัยชนะต่อกองทหารข้าศึกจึงพระราชทานนามใหม่ว่า " วัดชนะสงคราม " เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย พระนามว่า "พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์ มเหทธิศักดิ์ปูชนียะชยันตะโคดมบรมศาสดา อนาวรญาณ"
วัดชนะสงครามตั้งอยู่ที่ ถนนจักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร สามารถเดินทางโดยรถประจำทางสาย 33, 64, 65, ปอ. 32, 64, 65

จังหวัดกรุงเทพฯ :


จังหวัดกรุงเทพฯ :


กรุงเทพฯ หรือ บางกอก เมืองหลวงของประเทศไทย เริ่มก่อตั้งภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงครองราชย์ปราบดาภิเษกเป็น
ปฐมกษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 เมษายน เดือนห้า แรม 9 ค่ำ ปีขาล พ.ศ. 2325 พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังทางคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาฟากตะวันออก เนื่องจากเป็นชัยภูมิที่ดีกว่ากรุงธนบุรีเพราะมีแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแนวคูเมืองทางด้านตะวันตก และด้านใต้
อาณาเขตของกรุงเทพฯ ในขั้นแรกถือเอาแนวคูเมืองเดิมฝั่งตะวันออกของกรุงธนบุรี คือ แนวคลองหลอด ตั้งแต่ปากคลองตลาดจนออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระปิ่นเกล้า เป็นบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์
มีพื้นที่ประมาณ 1.8 ตารางกิโลเมตรบริเวณที่สร้างพระราชวังนั้นเดิมเป็นที่อยู่อาศัยของพระยาราชเศรษฐีและชาวจีน ซึ่งได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปอยู่ที่สำเพ็ง ในการก่อสร้างพระราชวังโปรดเกล้าฯ ให้พระยาธรรมาธิบดี กับพระยาวิจิตรนาวีเป็นแม่กองคุมการก่อสร้าง ได้ตั้งพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์

เดือน 6 ขึ้น 10 ค่ำ ย่ำรุ่งแล้ว 54 นาที (21 เมษายน 2325) พระราชวังแล้วเสร็จ เมื่อ พ.ศ. 2328 จึงได้จัดให้มีพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบแผน รวมทั้งงานฉลองพระนคร โดยพระราชทานนามพระนครใหม่ว่า “กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงเปลี่ยน คำว่า “บวรรัตนโกสินทร์” เป็น “อมรรัตนโกสินทร์” และในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีได้รวมจังหวัด ธนบุรีเข้าไว้ด้วยกันกับกรุงเทพฯ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “กรุงเทพมหานคร”
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อริยสัจ4


อริยสัจ 4

มีความจริงอยู่ 4 ประการคือ การมีอยู่ของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และ หนทางไปสู่ความดับทุกข์ ความจริงเหล่านี้เรียกว่า อริยสัจ 4
1. ทุกข์คือ การมีอยู่ของทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ และตายล้วนเป็นทุกข์ ความเศร้าโศก ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความวิตกกังวล ความกลัวและความผิดหวังล้วนเป็น ทุกข์ การพลัดพรากจากของที่รักก็เป็นทุกข์ ความเกลียดก็เป็นทุกข์ ความอยาก ความยึดมั่นถือมั่น ความยึดติดในขันธ์ทั้ง 5 ล้วนเป็นทุกข์
2. สมุทัยคือ เหตุแห่งทุกข์ เพราะอวิชา ผู้คนจึงไม่สามารถเห็นความจริงของชีวิต พวกเขาตกอยู่ในเปลวเพลิงแห่งตัณหา ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความเศร้าโศก ความวิตกกังวล ความกลัว และความผิดหวัง
3. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ การเข้าใจความจริงของชีวิตนำไปสู่การดับความเศร้า โศกทั้งมวล อันยังให้เกิดความสงบและความเบิกบาน
4. มรรค คือ หนทางนำไปสู่ความดับทุกข์ อันได้แก่ อริยมรรค 8 ซึ่งได้รับการหล่อ เลี้ยงด้วยการดำรงชีวิตอย่างมีสติความมีสตินำไปสู่สมาธิและปัญญาซึ่งจะปลดปล่อย ให้พ้นจากความทุกข์และความโศกเศร้าทั้งมวลอันจะนำไปสู่ความศานติและ ความเบิกบาน พระพุทธองค์ได้ทรงเมตตานำทางพวกเราไปตามหนทางแห่งความรู้แจ้งนี้

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันขึ้นปีใหม่



วันขึ้นปีใหม่ หรือ วันที่ ๑ มกราคมของทุกปี

แต่เดิมประเทศไทยได้ถือเอา วันแรม ๑ ค่ำเดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ ต่อมาได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูหัวจึงให้ถือเอาวันที่ ๑ เมษายนเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยนับแต่นั้นมา เพื่อวันปีใหม่จะได้ตรงกันทุกปี ดังนั้นจึงถือเอาเดือนเมษายน เป็นเดือนแรกของปี เมื่อถึงปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม คณะรัฐบาลในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงครามได้ประกาศให้ใช้ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามสากลนิยมตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งนิยมใช้วันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ทั่วโลก
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันขึ้นปีใหม่
๑. เก็บกวาดทำความสะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
๒.ทำบุญตักบาตร กรวดนำอุทิศส่วนกุศลให้ญาติและผู้มีพระคุณที่ล่วงลับไปแล้ว
๓.ไปวัดเพื่อทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม หรือฟังพระธรรมเทศนา ฯลฯ เพื่อให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสเบิกบาน ในโอกาศวันขึ้นปีใหม่
๔.ตรวจสอบตัวเองเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำมาตลอดปี ว่ามีความเจริญก้าวหน้าสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหนหากมีคั่งค้างก็ต้องเร่งขวนขวายปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตน

วันสงกรานต์


สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวต่างประเทศเรียกว่า "สงครามน้ำ"
สงกรานต์ เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี
พิธีสงกรานต์ เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่สังคมในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อไป ในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ในชีวิตสมัยใหม่ของสังคมไทยเกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข ปัจจุบันมีพัฒนาการและมีแนวโน้มว่าได้มีการเสริมจนคลาดเคลื่อนบิดเบือนไป เกิดการประชาสัมพันธ์ในเชิงการท่องเที่ยวว่าเป็น ‘Water Festival’ เป็นภาพของการใช้น้ำเพื่อแสดงความหมายเพียงประเพณีการเล่นน้ำ
การที่สังคมเปลี่ยนไป มีการเคลื่อนย้ายที่อยู่เข้าสู่เมืองใหญ่ และถือวันสงกรานต์เป็นวัน "กลับบ้าน" ทำให้การจราจรคับคั่งในช่วงวันก่อนสงกรานต์ วันแรกของเทศกาล และวันสุดท้ายของเทศกาล เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง นับเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงหลายด้านของสังคม นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ยังถูกใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งต่อคนไทย และต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สารพัดวิธีมองโลกในเเง่ดี

@ เพื่อนนินทา เพื่อนนินทาเรา แสดงว่าเราต้องมีดีอะไรสักอย่าง จนเพื่อนมันอิจฉาอย่างนี้เราน่าจะภูมิใจตัวเองแทนที่จะไปโกรธเพื่อนคนนั้น พูดง่ายๆ เขาไม่มีจุดเด่นเหมือนเราเขาจึงนินทาว่างั้นเหอะ @ ส่งยิ้มให้เธอแล้ว ไม่แยแส ยังดี..นะเนี่ย ที่เธอไม่ด่ากลับมา นี่แสดงว่าเธอยังมีน้ำใจดีอยู่บ้างโอ.. ซาบซึ้งเหลือเกิน ถึงเราจะแห้ว..แต่เราก็ยังประทับใจในความดีของหล่อน @ โดนแม่ด่าแต่เช้าตรู่ แม่ด่าเรา แสดงว่าแม่ยังรักและห่วงใยเราอยู่ โห..ซาบซึ้งมากเลย อีกอย่างหนึ่งในคำด่าของแม่ต้องมีอะไรดีๆ ซ่อนไว้แน่ ๆ ไม่อย่างนั้นแม่ไม่ด่าซ้ำ ๆ เรื่องเดิม ๆ อย่างนี้หรอก @ ครูสอนไม่รู้เรื่องเลย ท้าทายมาก ..ท้าทายมาก นี่หมายความว่าคุณครูกำลังท้าทายเรา ว่าถ้าข้าสอนห่วยๆ แบบนี้ เอ็งจะรู้เรื่องหรือเปล่า อย่างนี้ยอมไม่ได้..เราต้องขวนขวายเอาเอง เพื่อพิสูจน์กึ๋นให้คุณครูรู้ว่าเรานี้ก็ไม่เบาเหมือนกาน..น @ เพื่อนหักหลัง ไม่เป็นไร..ขอกันกินมากกว่านี้ แต่น่าสงสารนายนะ เพราะนิสัยของนาย คงจะทำให้นายต้องเสียเพื่อนไปหมดทุกคนในไม่ช้า เพราะคงไม่มีใครหรอกที่จะไว้ใจคนที่หักหลังเพื่อน. @ เพื่อนล้อว่าเสี่ยว โห..! ตัวเรานี่มีอะไรดีๆ เยอะแยะ แต่พวกนายกลับมองไม่เห็นคุณค่าสงสัยว่าการมองโลกของพวกนายคงจะมีปัญหาแล้วล่ะ เสียใจด้วยนะ.ที่นายคงหมดโอกาสจะได้คบกับคนดี ๆ อย่างเรา @ เช็คเมล์เจอแต่จดหมายขยะชวนดูรูปโป๊ ทดสอบ ๆ ทดสอบพลังจิต ถ้าเราลบเมล์พวกนี้ทิ้ง แสดงว่าจิตใจของเราเข้มแข็ง ถ้าเปิดดู ก็อ่อนแอ (เผลอ ๆ โดนหลอกให้เปิดไวรัสอีกต่างหาก อิอิ) @ วันหยุดการบ้านเพียบ สบายมาก..คุณครูกำลังท้าทายความสามารถของเรา(อีกแล้ว) เรารู้ทันหรอกน่า การบ้านเยอะอย่างนี้เราก็ว่าดีนะ เพราะได้ฝึก ตัวเองให้เป็นคนสู้งานหนัก ถ้าเราสู้ไม่ถอยในวันนี้ อนาคตไปโลด @ อกหักอีกแล้ว ไม่เป็นไร ได้เรียนรู้ชีวิต นี่ป็นการพิสูจน์สัจจธรรมอีกครั้งว่า รักแท้คือแม่เรา ว่าแต่ตัวเราเอง คอยปรับปรุงตัวเองให้ดีๆ เหอะ ชีวิตดีขึ้นเดี๋ยวก็มีคนมาชอบเราเองแหละ @ รถติดหงุดหงิดๆ นั่งสมาธิมันเสียเลย จิตใจสว่างไสว เรียนหนังสือจะได้จำแม่น ง่ายจะตาย หลับตาหายใจเข้าออกลึก ๆ นับ 1 2 3 4 5 ดูลมหายใจเข้าออกเพลิน ๆ ไม่ต้องไปรอคอยอะไร @ โห..ใช้เงินเพลินหมดเรียบเลย " เงินหมด ก็อดอย่างเสือ" ดีสิ..จะได้ฝึกนิสัยอดทนสักระยะ ยังมีคนอื่นที่ทุกข์มากกว่าเราเยอะแยะ ทุกข์ของเรามันแค่เรื่องขี้ผง @ เพื่อนมีมือถือ แต่เราไม่มี โชคดีแล้วล่ะที่ไม่มี มือถือเนี่ยตัวดูดเงินเลย วัยรุ่นบางคน เมาท์จนล้มละลาย อย่าเห่อไปตามกระแสหน่อยเลย ชีวิตนี้ไม่ได้ดีขึ้นเพราะมือถือหรอกนะ @ เราหน้าตี๋ กลม ๆ เหมือนดวงจันทร์ ..อายจัง โด่..หล่อจะตาย สมัยก่อนนู้น เขาคลั่งไคล้มาก ขนาดที่เมืองจีน เวลาปั้นพระพุทธรูป เขายังปั้นให้หน้าอูม ๆ เลย จริงอยู่สมัยนี้เขานิยมคนหน้าตาแบบลูกครึ่งฝรั่ง แต่อีกหน่อยก็เลิกฮิต เชื่อเหอะ ไม่แน่นะ ในอนาคตแฟชั่นหน้าตี๋อาจจะกลับมานิยมอีกก็ด้าย...อ้อ ! อีกอย่างสมัยนี้ สาว ๆ ที่ฉลาด เขาชอบคนดีมากกว่าคนหล่อ นะจะบอกให้ @ ชอบเขา แต่เขาไม่ชอบเราง่ะ ธรรมดาเลย.. ปิ๊งใครง่าย ๆ มันก็ต้องกิน"แห้ว"ประจำ ที่จริงชีวิตของเรานั้นมีคุณค่ามากนะ จะปล่อยให้เรื่องเล็กๆ แค่นี้มาทำให้ชีวิตของเราไร้ค่าได้อย่างไร ทำตัวเองให้มีค่า ดีกว่า เดี๋ยวก็มีคนดี ๆ มาชอบเราเองหรอกน้า..า @ เฮ้อ ! แฟนดูรูปโป๊ประจำ ดูเข้าไปเลย..เห็นพระท่านว่าพวกผู้ชายที่ชอบดูรูปโป๊มาก ๆ ชาติหน้าพวกนี้จะไปเกิดเป็นผู้หญิงกันหมด เพราะจิตใจฝักใฝ่แต่รูปร่างผู้หญิง ดีสม..! ชอบเอา เปรียบกันนักไปเกิดเป็นผู้หญิงเองเสียบ้าง จะได้รู้สึก (เขาเรียกว่าไป "ที่ชอบๆ" ฮิ ฮิ) @ ผิดหวังผลสอบดูหนังสือแทบตายได้แค่ เกรด B เรียนแล้วได้วิชาความรู้ มันก็เหมือนทำงานแล้วได้เงินเดือน การได้เกรด A ก็คล้ายๆ กับว่าเราได้โบนัส ทีนี้ถึงเราจะไม่ได้โบนัส มันก็ไม่น่าจะเสียใจอะไร ก้อเราได้เงินเดือนแล้วนี่นา @ เข้าคิวซื้อตั๋วหนังอยู่ดีๆเพื่อนเล่นแซงคิวหน้าตาเฉย โถ.. ! น่าสงสาร ยอมเสียนิสัย เพื่อแลกกับตั๋วหนังเพียงใบเดียว @ ข้างห้องเปิดเพลงเสียงดังหนวกหูทั้งวัน เสียงภายนอกดังสนั่น แต่เสียงภายในเงียบสนิท ถึงเสียงวิทยุจะดังปานใด แต่ใจฉันก็ไม่เคยหงุดหงิด ฉันยังคงทำงานของฉันไปอย่างมีความสุข @ คนชอบมาแซวเราว่า"น้องดำ ดอทคอม" ผิวอย่างฉันเขาเรียกว่า "คมขำ" ย่ะ หนุ่มๆ ฝรั่งหลงใหลจะตายไป พวกนายคงโดนโฆษณาหลอกแล้วล่ะ"ฉันคือตัวฉัน" ไม่ต้องให้ใครมาจูงจมูกหรอกนะ @ เฮ้อ..! ไม่รู้จะทำอะไรดีเซ็ง..ง ระเบิด ! แอ็คทีฟเข้าไว้เพื่อน อย่าให้ความเซ็งเข้าครอบงำ ทำทุกอย่างด้วยความกระฉับกระเฉง หนึ่ง สอง..ๆๆๆ หาอะไรทำให้มันสนุก หนึ่ง สอง... ๆๆ @ รู้สึกว่าตัวเองโง่โดนคนอื่นหลอกอยู่เรื่อย นึกว่าตัวเองโง่ ยังดีกว่านึกว่าตัวเองฉลาด พระท่านว่าคนฉลาดคือคนที่รู้ตัวเองว่าโง่นะ (แต่อย่าเผลอไปโดนเขาหลอกอีกล่ะ อิ อิ) @ เพื่อนเห็นแก่ตัวกินไหนกินด้วยแต่ไม่เคยช่วยสักบาท เฮ้อ..นึกว่าช่วยชีวิตเพื่อนให้รอดไปได้สักมื้อก็แล้วกัน ได้บุญดีนะ (แหะๆ....แต่นาน ๆ เจอกันสักที ก็แล้วกัน) @ กลุ้มใจจังไม่มีใครมาจีบ "กลุ้มใจ" ไม่มีคนมาจีบ มันยังดีกว่า "ช้ำใจ" ที่โดนคนมาหลอก ถ้าอยากจะพบรักแท้ มันก็ต้องอดทนไว้ก่อนนะเธอ @ หน้าเป็นสิวไปไหนมาไหนอายเพื่อน วัยรุ่นมีสิวน่ารักจะตายไป เออถ้าคนแก่มีสิวสิ ค่อยน่าอายหน่อย พวกบริษัทขายยาแก้สิวทั้งหลายนี่แหละตัวดี ชอบโฆษณาทำร้ายจิตใจวัยรุ่นดีนัก ระวังตัวใว้ดีๆเหอะ ชาติหน้ากรรมสนอง ไปเกิดเป็น "ท้าวแสนปม" ไม่รู้ด้วย อิอิ @ ทำตังค์ตกหาย 500 แง..! ไม่เป็นไร..คิดเสียว่าเสียค่าหน่วยกิต วิชา "ละเอียดรอบคอบระมัดระวัง" ก็แล้วกัน นี่ถ้าชีวิตเรามีความรอบคอบมากขึ้น เพราะเงิน หายในคราวนี้ ก็นับว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียว @ พ่อแม่ชอบเห็นเราเป็นเด็กตลอดชาติ ถึงใครจะมองเราว่าเป็นเด็ก แต่เราก็จะเคารพตัวเองว่าเรานั้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผู้ใหญ่คือคนที่ไม่ทำอะไรตามใจตนเอง แต่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความรอบคอบ ใคร่ครวญด้วยสติปัญญา (เอ...ชักยากแฮะ หรือว่าจะยอมเป็นเด็กเหมือนเดิมดีกว่าม้าง...ง ) @ อิจฉาเพื่อนแฟนมันสวยอะ มีแฟนสวยก็ยินดีด้วย แต่เราว่ามีแฟนนิสัยดีดูแลเอาใจใส่ดี แบบนี้สุดยอดกว่านะ @ รักเธอแต่ว่าไม่กล้าเอ่ยปาก อย่างนี้ต้องซ้อมบอกรักกับคนอื่นให้เกิดความเคยชินเสียก่อน พ่อคับ ผมรักคุณพ่อมากคับ .. แม่คับ ผมรักคุณแม่มากคับ .. ไอ้ตูบ ข้ารักเอ็งมากนะ .. เฮ้ย..เจ้าศักดิ์ เรารักนายจริงๆ ว่ะ .. ฯลฯ อิอิ.. ทีนี้พอพูดคล่องแล้วจึงค่อยไปบอกรักกะเธอ @ ช่วยเพื่อนแทบตายแต่เพื่อนยังคิดร้ายกะเราอีก เฮ้อ..คิดว่าช่วยเสือตกน้ำให้รอดตายสักตัวก็แล้วกัน เสือเนี่ยนะ ถึงเราช่วยมัน แต่ถ้าเราเข้าใกล้มัน มันก็กัดเราอยู่ดี คงต้องปล่อยเข้าป่าไป เจ้าเพื่อนคนนี้ก็เหมือนกัน ฉันช่วยแกแค่เอาบุญ แต่คราวหน้าคงไม่ช่วยแล้วล่ะ ปรับปรุงตัวเองให้นิสัยดีกว่านี้ก่อน แล้วค่อยมาว่ากันใหม่ @ พอแฟนเจอคนที่รวยกว่าเธอบอกเลิกกับผมทันที อย่างนี้เรียกว่า..โชคดีที่เลิกกัน จริงๆ นะ ..คนที่เห็นเงินทองสำคัญกว่าความรักอย่างเงี้ยะ ขืนได้แต่งงานด้วย รับรองว่าเจอปัญหาตลอดชีวิตแน่เราโชคดีแล้วล่ะ ที่แคล้วคลาดออกมาได้ @ เหงามากขอบอก มองรอบๆ ดู .. อะไรต่ออะไรล้วนแต่เป็นเพื่อนคอยช่วยเหลือเราทั้งน้าน.น โต๊ะก็เพื่อนเรา เก้าอื้ก็เพื่อนเรา หน้าต่างก็เพื่อนเรา หนังสือก็เพื่อนเรา แก้วน้ำก็เพื่อนเรา ฯลฯ...(สามชั่วโมงผ่านไป) .....ฯลฯ หมาก็เพื่อนเรา ต้นหญ้าก็เพื่อนเรา ท่อระบายน้ำก็เพื่อนเรา ตู้ไปรษณีย์ก็เพื่อนเรา... ฯลฯ .... (ต่อไปอีกห้าชั่วโมง)..... ฯลฯ @ เพื่อนกวนยียวนมากอยากชกสักที โด่..คนกวนๆ แบบนี้ไปที่ไหนก็มีคนอยากชกกันทั้งนั้น เราจะต้องไปชกเองทำไมให้เจ็บมือ เดี๋ยวก็มีคนอื่นชกให้เองแหละ แต่ดูๆแล้วก็น่าสงสารนะ...โถ..! เกิดมาชาตินี้มีแต่คนอยากชก @ อยากตัดใจจากคนรักค่ะทรมานใจมากอยากทำใจให้ไวสุดๆ ทุกครั้งที่นึกถึงเขาให้ทำอย่างนี้ดิ " หายใจเข้าลึกๆ นึกถึงเขา(คนนั้น) หายใจออกยาว ๆ สลายภาพของเขาใหัหายไป " แล้วก็พูดในใจว่า "โอ้..! ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่ใช่ของเรา มันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย " (จับฝึกกรรมฐานเสียเลย อิอิ ) @ พ่อบังคับผมจะให้สอบเอ็นฯติดให้ได้..เครียดมาก โอเคครับ...ผมจะพยายามเพื่อพ่อ แต่ผมขอเวลาทำอะไรเพื่อตัวผมเองบ้างนะครับ อ้อ..! ถ้าเอ็นฯไม่ติด ก้อไม่ว่ากันนะครับ เพราะสุดฝีมือแล้ว แต่พ่อไม่ต้องห่วงอนาคตของผมหรอกครับ เพราะถึงผมจะเอ็นฯไม่ติด ผมได้เตรียมหนทางของผมไว้แล้ว รับรองไปได้สวยอย่างแน่นอนครับ @ นอนไม่หลับกระสับกระส่าย ฮ้าว..ว (หาว) แล้วส่งกระแสจิตไปยังสัตว์โลกแบบนี้ดิ หนึ่ง.. ฉันรักแมว สอง..ฉันรักหมา สาม..ฉันรักยีราฟ สี่...ฉันรักหนอน ห้า...ฉันรักสิงโต หก...ฉันรักนก เจ็ด.. ฉันรักเม่น.... ฯลฯ ( ส่งความรักไปถึงสัตว์โลกอย่างนี้เรื่อยๆ สักร้อยตัว รับรองประเดี๋ยวก็..คร้อกก..ก) @ เพื่อนรักต่อหน้าทำดีกับเราแต่ลับหลังเผาเราเซียะไม่มีดี ไม่เป็นไร..เราให้อภัย เพราะนายเคยทำดีกะเราไว้เยอะ เอาเป็นว่าถ้านายเลิกนิสัยนี้ได้เมื่อไหร่ เราทั้งสองคน ค่อยมาคบกันใหม่นะ ...สวัสดี ( โห..! เลิกคบเลย ) @ ท้อใจอยากโดดตึก ขืนโดดก็โง่ดิ .. โด่....ชีวิตนี้มันก็แค่แบบฝึกหัดเล่มใหญ่ ปัญหาผ่านมาเดี๋ยวมันก็ผ่านไป มันมาแวะทักทายเราให้ลองแก้ไขดูเท่านั้นเอง แก้ปัญหาไม่ได้ ก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอทางออก ยอมแพ้ได้ไง @ เพื่อนชอบพูดข่มเราประจำ คนมีปมด้อยมาก ๆ ก็อย่างนี้แหละ ชอบข่มคนอื่นให้ด้อย เพื่อตัวเองจะได้เด่น เราไม่ถือสานายหรอก เอาไว้นายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น นายก็จะรู้เอง @ เวลาอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆรู้สึกประหม่า ๆไม่ค่อยเชื่อมั่นในตนเอง เวลายืนอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ ให้คิดอย่างนี้ดิ " ฉันคือราชสีห์ผู้สง่างาม ยืนอยู่ท่ามกลาง หมู่สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ( ก็เพื่อน ๆ ไง ) นั่น ยีราฟ (คนสูง ๆ ) โน่น ฮิปโป้ (อิ อิ) นู่น เม่น (คนผมแข็ง ๆ) ฯลฯ " ..เดี๋ยวก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาเองแหละ @ เกิดมาจนโธ่ ! คนอย่างเรา เกิดมาจน ก็ได้เปรียบน่ะสิ เพราะได้มีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัว ด้วยลำแข้งของตัวเองจริง ๆ ชีวิตจะแข็งแกร่งกว่าคนที่เกิดมาสบาย ๆ ตั้งแต่เด็ก แหม..ได้เปรียบแล้ว ยังมาทำบ่นอีก @ เพื่อนจะขายตัวบอกว่าไม่เห็นจะหนักหัวใครเลย ช่าย..ย ..เราก้อเห็นด้วยกับเธอนะ นั่นไง เจ้า HIV ยังพยักหน้าเห็นด้วยเลย @ เรา"นมเล็ก"อยากใหญ่กว่านี้ทำไงดีอะ เล็กๆ กระทัดรัด น่ารักนะจะบอกให้ แล้วอีกอย่าง ธรรมชาติของผู้ชายเนี่ย เขาต้องการความอบอุ่น จาก "การดูแลเอาใจใส่" ต่างหาก ไม่ใช่จาก "หน้าอกใหญ่ ๆ " @ เรียนหนังสือยังไงให้เป็นเลิศและไม่ให้เครียดครับ คิดอย่างนี้ทุกวัน รับรองเป็นเลิศ"ฉันจะตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง ฉันจะขยันอย่างไม่หยุดหย่อน ฉันจะค้นคว้าด้วยความอยากรู้จริง ๆ และ...ฉันจะไม่แข่งขันกับใคร นอกจากแข่งขันกับตัวเอง " @ ไม่รู้เป็นอะไรอยากได้โน่นได้นี่ตลอดเวลาแต่ไม่มีเงิน แหะๆ "อยากได้โน่นอยากได้นี่" มีแต่เสียเงินลูกเดียว " อยากทำโน่นอยากทำนี่ " ดีกว่า สนุกดี แฮปปี้ตลอดวัน แถมไม่ต้องเสียเงินสักบาท @ แง ... เพื่อนไม่สนใจเราเลยทำดีเอาใจทุกอย่างแล้วนะ ทำดีเพื่อให้คนอื่นมาสนใจมันก็เหื่ยวแห้งอย่างนี้แหละเธอ เป็นแม่พระดีกว่านะ... ดูแลเพื่อน ๆ เหมือนอย่างกับแม่ที่ดูแลลูก ให้ความอบอุ่นอย่างทั่วถึง แล้วแอบยิ้มอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ....เฮ้อ ! เห็นคนอื่นมีความสุข แล้วก้อสบายใจ @ ถ้าหนูจะต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำเช่น ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน(อ้าว ! ) ทำยังไงไม่ให้ขี้เกียจ ให้คิดดูว่า เราจะได้อะไรจากงานที่ทำนี้บ้าง คิดไปเรื่อย ๆ จนเกิดความรู้สึก "อยากทำ" เช่น "ล้างส้วม" เราได้อะไรบ้าง โห !เยอะแยะ 1."ได้ออกกำลัง" ดีจังเรายิ่งอ้วน ๆ อยู่ด้วย2."ได้เสียสละ" เพื่อพ่อแม่จะได้เข้าห้องน้ำอย่างมีความสุข 3. "ได้ฝึกอดทน" โตขึ้นเราจะได้แข็งแกร่ง ลุยได้ทุกที่ 4. "ได้บุญ" ใครเห็นห้องน้ำสะอาด เขาก็จะสบายใจ เราก้ออิ่มบุญ ฯลฯ ..(คิดไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก้อทนไม่ไหว อยากจะไปทำเองแหละ) @ ช่วยตัวเองบ่อยมากทำไงให้ลดลง เบรคตัวเองแรง ๆ ดิ เช่น .. " ไม่คุ้มเลย.. สุขวูบเดียว เพลียไปทั้งวัน...มันก็แค่อร่อยเหมือนแทะเนื้อติดกระดูก แทะยังไงก็ไม่อิ่ม ... ไม่มีปัญญาคิดสร้างสรรค์ความสุขอื่น ๆ แล้วหรือไง ถึงได้จมอยู่แต่เรื่องพวกนี้... เราวุ่นกับมัน มันก็วุ่นกับเรา ไม่เป็นอิสระสักที " ฯลฯ(ถ้าคิดแล้วยังเอาไว้ไม่อยู่ ก็ตามบายเหอะ มันไม่เสียหายอะไรนักหรอก) @ คืนนี้ อยู่คนเดียวกลัวผีอะบรื๋วว..ว์ นี่พวกผี ตอนนี้ฉันกำลังสวดนะโม ตัสสะ ฯ อยู่นะ เตือนไว้ก่อนว่าพระพุทธเจ้าท่านกำลังประทับอยู่ในใจฉัน ผีตัวไหนอย่าอุตริโผล่ขึ้นมาหลอกล่ะ บาปกรรมหัวแตกเป็นเจ็ดเสี่ยงไม่รู้ด้วยนะเออ @ คนตามจองล้างจองผลาญกลั่นแกล้งเราไม่ยอมเลิก " เจ้ากรรมนายเวร" ภาค 2 ชัวร์ !! อย่างนี้ยิ่งตอบโต้ยิ่งเกมยาว (ถึงชาติหน้า) เจ๊ากันไปดีกว่า เอาเป็นว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เรื่อยๆ ศัตรูได้ส่วนบุญเยอะ ๆ เดี๋ยวก็เลิกรากันไปเองแหละ @ กระเป๋ารถเมล์สายที่นั่งประจำพูดจาไม่สุภาพฟังแล้วไม่สบอารมณ์เลย น่าเห็นใจนะอาชีพนี้ นี่ถ้าฉันลองไปทำดูบ้าง ฉันก็คงจะเครียด และต้องแสดงอาการกริยาแบบนี้แหละ @ ทำตัวดีไม่เป็นภัยกับใครแต่กลับถูกใส่ร้ายป้ายสี ภูผาหินไม่กลัวพายุร้าย เราบริสุทธิ์ใจเสียอย่าง จะไปหวั่นไหวอะไรกะอีแค่ลมปาก เขาพูดป้ายสี สีก็เลอะที่ปากเขาสิ เราไม่เกี่ยว.. @ ผมเป็นคนจับจดทำงานอะไรไม่เคยสำเร็จชาตินี้จะเอาดีกะเขาได้มั้ยเนี่ย นึกถึงภาระกิจที่จะต้องทำแล้วคิดด้วยความมั่นใจว่า " เข้ามาเล้ย..ย งานน่ะ ไม่กลัวอยู่แล้ว (ทุบกำปั้นบนฝ่ามือ) เรามั่นใจ ทำได้แน่ไม่เลี่ยง ไม่หนี ลุยลูกเดียว " (คิดทั้งวันทั้งคืน ชาตินี้จะไม่มีวันเป็นคนจับจด) @ นิสัยตัวเองไม่ดีชอบจ้องจับผิดคนอื่น " มิน่าเล่า เราถึงไม่มีเพื่อนที่ดีเหลือเลยสักคน จับผิดตัวเองดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะเลย " @ ติดเกมงอมแงมเสียการเสียงานอยากเลิก แต่เลิกไม่ได้ พูดท้าทายตัวเองดิ เช่น" เล่นเกมสนุก แต่ไม่มีสาระ เสียเวลาไปเปล่าๆ ไหนเก่งจริง ลองทำงานให้สนุกเหมือนเกมดูซิโด่...ทำได้หรือเปล่า มีปัญญาอ๊ะป่าว " @ ทำสิ่งที่ไม่ดีบางอย่างมา(ทำอะไรไม่บอกอะ) รู้สึกกังวลและเครียดมากหายใจไม่ทั่วท้องเลย หายใจเข้าออกลึก ๆ ให้สุดปอดตลอดทั้งวัน และบอกกับตัวเองว่า "ถ้ามันไม่ร้ายแรงถึงกับตาย เราก็ไม่ต้องไปกลัวไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรารับได้อยู่แล้ว เราแก้ไขปรับปรุงตัวเองได้ สบายมาก " @ ถูกขาใหญ่ตบกระโหลกที่หน้าปากซอยฮึ่ม..แค้นมาก เดี๋ยวจะลากปืนไปยิงมัน โห..! คิดได้ไงเนี่ยจะเอาเพชรไปแลกกะถ่าน คุ้มจริงๆ นะเพ่ @ ทำไมโรงเรียนต้องบังคับนักเรียนชายให้ตัดผมด้วยหมดหล่อเลยเรา เผด็จการชัด ๆ ลดความหล่อบ้างสักนิดก็ดีนะสาว ๆ จะได้ไม่กวน ขอบคุณคับคุณครู ที่ช่วยให้ผมได้เรียนหนังสือเต็มที่กับเขาสักที @ ไม่สบอารมณ์คนนั่งข้าง ๆ (ใครหว่า ?)ขอคาถาขับไล่หน่อยสิ ได้สิ.. " โอมเพี้ยง.. ชิ๊ว ๆ ๆ ไปพวกความคิดที่ไม่ดีทั้งหลาย หายวับกับตาไปให้หมดเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะได้ใจเย็นๆ สักที " @ ฮือ..ๆๆเราติดเอดส์เรากลัวตาย..ฮือๆๆ เข้มแข็งๆ กล้าหาญไว้ โอ.!.ฉันขอบคุณโรคเอดส์ เพราะมันทำให้ฉันไม่ประมาทในชีวิตอีกต่อไป ฉันจะรักษาสุขภาพกายใจให้ดีๆ อายุจะได้ยืนยาวไปอย่างน้อยอีกสิบปี (ไม่แน่นะ ถึงตอนนั้นอาจจะมียารักษาให้หายแล้วก็ได้ ) ฉันจะทำความดีให้มากๆๆๆ จวบจนวินาทีสุดท้ายเพราะพระท่านว่าคนที่ทำความดีไม่ต้องกลัวโลกหน้า ตายไปเมื่อไหร่จะสุขเหลือล้นจนคนข้างหลังอิจฉาเลยทีเดียวเชียว @ เจอพวกชอบโทร(สาธารณะ)นานแทบจะกางมุ้งนอนรอ ถ้าไม่กล้าเคาะเตือน ขณะที่เรายืนรอ ลองฝึกสังเกต คนพวกนี้เล่นๆ ก็ได้ สนุกดีนะ เช่น"อึมม์..เจ้าหมอนี่ นุ่งกางเกงยีนส์ปะๆแต่ว่าซักสะอาด แสดงว่าชอบโชว์ความเก๋า แต่.. เล็บมือด๊ำดำ ว๊า ! หมดท่าเลย สังเกตดูเสื้อ สก๊อตสีน้ำเงินซะด้วย แต่ดูดีๆ ตะเข็บเย็บไม่ประณีต สงสัยจะเป็นเสื้อโหล ชอบยืนพิงตู้โทรคุยแบบนี้ น่าจะเป็นคนขี้เกียจนะ นั่น ๆ มีสมุดเรียนเหน็บที่กระเป๋าหลัง อ๋อ ! เรียนอยู่สถาบันนี้เอง แหวะ .. ทีหลังมีเราลูก เราไม่ส่งเรียนที่นี่หรอก นิสัยไม่ดี ฯลฯ " (บางคนกว่าจะออกจากตู้ สงสัยสังเกตจนเขียนตำราได้หนึ่งเล่ม หุ หุ ) " @ เป็นคนขึ้อายมากกกกค่าเวลาคุยกะใครม้วนไปม้วนมา จะคุยกับหนุ่มใช่มั๊ยล่า..า รู้ทันหรอกน่า ให้คิดว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของเราดิ แม่รู้สึกยังไงกะลูกล่ะ เอ็นดูใช่มั๊ย สงสารใช่มั๊ย ให้มีเมตตากรุณาต่อผู้ชายทุกคนที่คุยด้วย แต่ไม่หวั่นไหวกะใครง่าย ๆ ความอายจะหายไป ............ทำได้ป่าว @ มีคนใส่ร้ายเราเราโกรธมากจนนอนไม่หลับ เขาทำความชั่วเขาก็ได้ผลชั่วของเขาเอง เรามามัวนอนโกรธ จนนอนไม่หลับ อย่างนี้ก็สมใจเขาสิ เปลี่ยนไม่ถือสาหาความ เมตตาเอ็นดูเขาดีกว่านอนหลับสบาย แถมฝันดีอีกต่างหาก @ มีแฟนหลายคนสับหลีกไม่ทันอะ มีแฟนเยอะ แสดงว่าเรายังไม่เจอรักแท้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะลองแกล้งป่วยดู ถ้าคนไหนมาเยี่ยม แสดงว่าคนนั้นก็ผ่านรอบคัดเลือก เราจะทดสอบกลั่นกรองให้เหลือคนที่ดีที่สุด เพราะรักเดียวใจเดียวคือความสุขที่แท้จริง @ ครูสอนน่าเบื่อโดดเรียนดีกว่าเรา โดดเรียน ได้ผ่อนคลาย มีเสรี จะไปไหนก็ได้ อึมม์...มันก้อดีเหมือนกันนะ แต่ทว่า...มันเป็นการหนีปัญหา เพราะอีกหน่อยเราก็คงต้องหนีเรื่อยไป หนีหน้าคน -หนีการงาน -หนีความรับผิดชอบ ขืนเป็นอย่างนี้ อนาคตของเราคงจะไปไม่รอดแน่ๆ สู้เลย..! จะไปกลัวอะไร ถ้าครูสอนน่าเบื่อ เราก็เรียนให้มันน่าสนุกสิ ง่ายจะตายไป เรื่องอะไรจะหนีเรียนให้เสียชื่อ เราสู้วันนี้ วันหน้าสบายมาก เย.." @ ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับทำไมผู้ใหญ่ชอบบังคับกันเรื่อย ถ้าไม่อยากให้รู้สึกว่ามีคนมาบังคับ ก็ต้องทำอะไรด้วยเหตุผลของตัวเอง เช่น :-
โรงเรียนบังคับให้ตัดผมเราก็คิดว่า "เราตัดผมไม่ใช่เพราะกลัวลงโทษ แต่เราตัดผมเพราะเราเคารพกฎของโรงเรียนต่างหาก"
แม่สั่งให้เก็บที่นอนทุกเช้า เราก็คิดว่า "ที่เราทำไม่ใช่เพราะกลัวแม่ด่า แต่เพราะเห็นว่ามันเป็นระเบียบเรียบร้อยดีต่างหาก"
พ่อบังคับไม่ให้เราไปเที่ยวไหนในวันหยุด เราก็คิดว่า ที่เราไม่ไปไหน ไม่ใช่เพราะกลัวพ่อดุ แต่เพราะเราต้องการจะฝึกตัวเองให้เข้มแข็งต่างหาก" ฯลฯ
@ มีครูอยู่วิชาหนึ่งไม่ให้เกียรตินักเรียนชอบพูดสบประมาทเด็กอยู่เรื่อยเลย ทุกครั้งที่ได้ยินถ้อยคำดูหมิ่น ให้ยิ้มน้อยๆด้วยความเข้าใจและเห็นใจ(ผู้พูด) และ ให้คิดในใจว่า" พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญเราผู้ที่มีความหนักแน่น อดทนต่อถ้อยคำ ประกอบดัวย เมตตา และ ปัญญา ว่าเป็น ผู้ใหญ่ หาใช่ เด็ก ไม่ " @ เป็นโรคใจง่ายเข้าใกล้คนหล่อ ๆทีไรหวั่นไหวทุกที เวลาเข้าใกล้คนหล่อ ให้นึกถึงอะไรที่น่าเกลี๊ยด น่าเกลียดภายในตัวของเขาสิ เช่น ขนจมูกของเขา ขี้หูของเขา ขี้ตา... .. รังแค.... อึ ..(แหวะ) คิดอย่างนี้ เดี๋ยวก็หายหวั่นไหวไปเอง ..ไม่เชื่อ ลองดูดิ @ เพื่อนๆ ในห้องมีแฟนกันหมดแล้วมีเหลือแต่เรา "แหง่ว..ว" อยู่คนเดียว คิดมุมกลับ.. " เพื่อนๆ ในห้องหาเรื่องไปร้อนรนทุรนทุรายกันหมดแล้ว เหลือแต่เราอยู่เย็นเป็นสุขอยู่คนเดียว เย..! " @ อยากเที่ยวกลางคืนให้มันสนุกสุดเหวี่ยงไปเลย สุดเหวี่ยงจนลงเหวน่ะสิไม่ว่า เที่ยวกลางคืนเนี่ยปากทาง แห่งความเสื่อมเลยนะตัวเอง @ ข้างบ้านชอบแต่งตัวโป๊ขอคาถาข่มใจหน่อยดิ โอม ! ... ธรรมดาๆๆ ๆไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นอะไร เหม็นขี้เหงื่อ เหม็นขี้ไคล ใคร ๆ ที่ไหน ก็เหมือนกัน (ท่องไปจ้องไป